วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Tiger God at Ruamkatanyu Foundation’s shrine (Bangkok)

Tiger God at Ruamkatanyu Foundation's  shrine (Bangkok)

Tiger God at Ruamkatanyu Foundation’s shrine (Bangkok)

The statue above, representing the Tiger God, is believed to contain tiger bones and its spirit inside for the purpose of protecting people from the forces of evil. It is found in the shrine next to Ruamkatanyu Foundation at Wat Hua Lampong. People from all walks of life come here for merit making by donating coffin for victims killed in accidents or murdered where nobody had come forward to claim or identify the body.

I have heard about the famous San Chao Pho Suea (Tiger God Shrine) located at Tanao Road, one of the top ten shrines in the city but I have yet to pay a visit. The deity is highly respected by the local people. The favourite food of the Tiger are eggs and slices of fat pork bellies and the pork is placed on the Tiger’s mouth to symbolize feeding the Tiger.

Why do people worship Tiger God? Well, to get rid of bad luck and ward off backstabbers or troublemakers . In the past, there is a “da xiao ren” Chinese ritual where people gathered to get rid of xiao ren ( backstabbers or troublemakers) by hitting hard on a paper man or photo of a person with wooden clogs in front of the deity. The day normally falls on the 5th, 6th or 7th of March after the Lunar New Year.


website
http://blog.tourismthailand.org

เรื่องของเกาะ

เกาะหินงาม คลองพันเตมะละกา เกาะห้าใหญ่ เกาะเภตรา เกาะบุโหลน

อ่าวทุ่งวัวแล่น แหลมโตนด ลันตา เกาะง่าม ทะเลใน เกาะมาตรา

เกาะพงัน แหลมพรหมเทพ เกาะห้อง เกาะไข อ่าวมาหยา

เกาะห้า สิมิลัน อ่าวไร่เลย์ เกาะหลักง่าม คลองวาฬ แหลมแม่ยาย

ถ้ำมรกต อ่าวช่องขาด เกาะหลีเป๊ะ เกาะเก้า สิมิลัน เขาพิงกัน

เกาะเต่า เกาะกระดาน ห้วยขาแข้ง ทะเลบัน หินแพ

เกาะสี่ สิมิลัน ร่องตอรินลา กองหินริเชลิว ลันตาใหญ่ พันเตมะละกา




ขอขบคุณ ข้อมูลดีๆ
http://www.talaythai.com/issue/island/index.php

เกาะเต่า เกาะสวรรค์ กลางทะเล อ่าวไทย

เกาะเต่า เกาะสวรรค์ กลางทะเล อ่าวไทย
เกาะเต่า สถานที่ท่องเที่ยว และ แหล่งดำน้ำ ที่ สวยงาม แห่ง ท้องทะเล อ่าวไทย ที่พึ่งจะเป็นที่รู้จักของ นักท่องเที่ยว
ชาวไทย เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง แต่สำหรับ นักท่องเที่ยว ชาวต่างประเทศ แล้ว ชื่อของ เกาะเต่า กล่าวได้ว่าเป็น สวรรค์
ของการ ดำน้ำ ที่ นักดำน้ำ ทั่วโลกรู้จักดีในความงดงาม และความมีสีสันของ โลกใต้ทะเล ที่ไม่แพ้ที่แห่งใดในโลก

PIC1

เกาะเต่า ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 2 เกาะ คือ เกาะเต่า และ เกาะนางยวน พื้นที่เกือบทั้งหมดเป็น ภูเขา
มีพื้นที่ราบอยู่เพียง 30%ของตัวเกาะ ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 17.96 ตารางกิโลเมตร หรือ 12,225 ไร่
กว้าง 3.4 กิโลเมตร ยาว 7.6 กิโลเมตร มีด้วยกัน 3 หมู่บ้าน คือ บ้านหาดทรายรี บ้านแม่หาด และ บ้านโฉลก บ้านเก่า และด้วยระยะห่างจาก ปากน้ำชุมพร 85 กิโลเมตร ห่างจาก อ่าวบ้านดอน
สุราษฎร์ธานี 120 กิโลเมตร และห่าง เกาะพะงัน ซึ่งถือเป็น เกาะ ที่อยู่ใกล้ที่สุด 45 กิโลเมตร นั่นก็ทำให้ เกาะเต่า กลายเป็น เกาะกลาง ทะเลหลวง
ที่ค่อนข้างจะโดดเดี่ยวโดยแท้

เกาะเต่า มีรูปร่างคล้าย เมล็ดถั่ว แต่บ้างก็ว่ามีลักษณะคล้ายตัว เต่า มี เกาะนางยวน เป็นหาง จึงเป็นที่มาของ ชื่อเกาะ ลักษณะของ เกาะเต่า จะมีเว้าแหว่งของอ่าวอยู่มากมาย มีความ
งดงามตาม ธรรมชาติ ด้วยอ่าวถึง 11 อ่าว และ แหลม 10 แหลม ตลอด แนวชายฝั่ง ของ เกาะ
ซึ่งยาว 28.6 กิโลเมตร รวมทั้งเป็น เกาะ ที่มี แนวปะการัง ยาวถึง 8 กิโลเมตร อยู่โดยรอบ เกาะเต่า แม้จะอยู่ในทะเลด้านที่รับ ลมมรสุม ตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพัดผ่านมาในช่วง
เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือน มีนาคม แต่ก็มี เกาะน้อยใหญ่ ช่วยกำบังคลื่นลมให้อยู่บ้าง นักท่องเที่ยว จึงสามารถ เดินทางไป เกาะเต่า ได้ตลอดปี

บน เกาะเต่า มี บังกะโล กระจายอยู่ตาม ชายหาด ต่างๆ มีบริการ รถจี๊ รถมอเตอร์ไซต์ì และ จักรยานเสือภูเขา ให้เช่า รวมทั้ง บริการเรือเช่า และ อุปกรณ์ดำน้ำ ตอนกลางวันจะไม่ค่อยพบเห็น นักท่องเที่ยว เพราะส่วนใหญ่ จะนั่งเรือ ออกไป ดำน้ำ กันตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับเข้าฝั่งก็เย็นย่ำ

สถานที่ท่องเที่ยว และจุดที่น่าสนใจบน เกาะเต่า โดยส่วนใหญ่ จุดท่องเที่ยว ของ เกาะ จะเป็นจุด ดำน้ำ ซึ่งจะมีทั้งจุด ดำน้ำลึก และ ดำน้ำตื้น ซึ่งถ้าคุณเพียงต้องการชื่นชม
ธรรมชาติ รอบเกาะแวะลง เล่นน้ำ ดำน้ำ ชมปะการัง คุณก็สามารถเลือก โปรแกรมท่องเที่ยว รอบเกาะได้ภายใน 1 วัน ซึ่งคุณสามารถใช้ บริการเรือเช่า หรือ เรือแท็กซี่ ซึ่งมีอยู่มากมายบริเวณ ท่าแม่หาด




ขอขอบคุณที่มาตามลิ้งค์นี้ครับ
http://www.chumporn.com

มัลดีฟส์


มัลดีฟส์

มัลดีฟส์ ประกอบด้วยหมู่เกาะทั้งหมด1,900 เกาะ (มากกว่า 200 เกาะ เป็นที่อยู่อาศัย) มัลดีฟส์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของศรีลังกาและทางตอนปลายของอินเดีย มัลดีฟส์มีประชากร 270,000 คน 70,000 คน อาศัยในมาเล่ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ มัลดีฟส์ ท่าอากาศยานแห่งชาติอยู่ใกล้เกาะ Hulhule ซึ่งเป็นที่อยู่ของประการังที่สวยงาม ปลานับ 1,100 ชนิด และชีวิตใต้ทะเลอื่น ๆ อีกมากมาย
มีรีสอร์ทที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทาง
ช่วง ฤดูร้อนของ มัลดีฟส์ จะอยู่ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน และโดยเฉพาะตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนซึ่งอากาศร้อนและแห้งที่สุด สำหรับนักท่องท่องเที่ยวที่ชอบแสงแดดจะมาช่วงนี้เป็นจำนวนมาก แม้จะมีฝนตกบ้างแต่ก็ไม่มากนักและความชื้นก็ไม่สูงเกินไป ส่วนเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายนเป็นฤดูที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน ทำให้มีพายุฝนกระหน่ำอยู่บ่อยๆ ซึ่งช่วงนี้ราคาค่าที่พักจะถูกลงกว่าช่วงอื่นๆ นอกจากนี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน และช่วงต่อระหว่างมีนาคมกับเมษายนก็ถูกจัดว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความพิเศษใน ตัวของมันเอง เพราะเชื่อกันว่าเป็นระยะเปลี่ยนผ่านของลมมรสุมซึ่งจะทำให้น้ำ ทะเลใสเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดำน้ำโดยเฉพาะ


ข้อมูลดีๆจาก
http://www.readyholiday.com

อ่าวมาหยา เกาะพีพี

อ่าวมาหยา เกิดขึ้นด้วยกระบวนการเดียวกันกับอ่าวปิเละ แต่ส่วนหนึ่งของหน้าผาที่โอบล้อมพังทลายกลายเป็นช่องเปิดขนาดใหญ่เชื่อมต่อ กับทะเลภายนอก น้ำทะเลไหลเวียนเข้าออกได้ดี เกาะหินปูนแห่งนี้ยังตั้งอยู่ห่างชายฝั่งหลายสิบกิโลเมตร ตะกอนที่มาจากอ่าวพังงามีอิทธิพลน้อยมาก น้ำทะเลใสช่วยให้แสงส่องผ่านในระดับเหมาะสม ตัวอ่อนของปะการังที่ล่องลอยอยู่ทั่วบริเวณพากันลงเกาะบนหินที่ทับถมอยู่ กลางอ่าว เมื่อยึดที่มั่นได้ แต่ละตัวสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศแบ่งตัวจากหนึ่งเป็นสอง...สองเป็นสี่ เวลาผ่านไปหลายพันปี แนวปะการังขยายขนาดปกคลุมทั่วอ่าวมาหยา ในเวลาเดียวกับที่ทะเลมีการเปลี่ยนแปลง กระบวนการของธรรมชาติยังเกิดขึ้นบนชายฝั่ง ตะกอนทรายตกทับถมรวมกันกลายเป็นหาด ผลของพืชชายทะเลที่ล่องลอยมากับน้ำบ้าง มากับสัตว์ต่างๆ บ้าง เจริญงอกงามกลายเป็นป่าชายหาด กินพื้นที่ตอนในของอ่าวประมาณ ๕๐ ไร่

เวิ้งอ่าวมาหยา ที่มีพื้นที่หลบอยู่ในภูเขาหินประมาณความยาว ๒๕๐ เมตรนั้น ส่วนหนึ่งถูกตกแต่งโดยธรรมชาติให้เป็นพื้นที่หาดทรายกว้างประมาณ ๕-๑๕ เมตร ทันทีที่ก้าวลงจากเรือและย่ำลงไปบนพื้นหาดทราย จะรู้สึกได้ว่า หาดทรายผืนเล็กผืนนี้ มันช่างนุ่มเท้าและขาวสะอาด ถึงขนาดต้องหลับตาให้ม่านตาได้ทุเลาลงจากแสงแดดที่ส่องสะท้อนขึ้นมากระทบ บ้างในบางครั้ง หากลองย้อนกลับไป ความผ่องใสพิสุทธิ์ เนื้อทรายที่เป็นปุยนุ่มนวลเท้าของหาดทรายแห่งนี้ ล้วนเป็นผลพวงอย่างหนึ่งที่เกิดจาก ซากของปะการังที่ถูกทำลายจนย่อยยับ แหลกละเอียดเป็นชิ้นเป็นผง ตามวัฏจักรแห่งธรรมชาติ ในท้ายที่สุดถึงถูกเกลียวคลื่นสาดซัดขึ้นมากองทับถมมานานนับแรมปี

การ เดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ของทีมงานต่างประเทศ เรื่อง “เดอะบีช” กลายเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สื่อมวลชนแทบจะทุกแขนง ได้พากันนำเสนอข่าวภาพยนตร์เรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้น การกำหนดตัว นายลีโอนาโอ ดิ คาปิโอ ที่เขย่าโลกในบทของ “แจ็ค” จากภาพยนตร์เรื่อง “ไททานิค” ให้เป็นตัวพระเอก ยิ่งทำให้ข่าวดังกล่าวลุกกระพือกลายเป็นที่สนใจของประชาชน ด้วยความงามของหาด และความโด่งดังจากภาพยนต์เรื่อง “เดอะบีช” ทำให้ในแต่ละวัน มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอ่าวแห่งนี้มากมา


ท่านสามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ แนะนำ
http://www.tourkrabi.com


อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี







อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี
ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองทะเล ตำบลไสไทย ตำบลอ่าวนาง และตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีพื้นที่ 242,437 ไร่ เป็นพื้นน้ำประมาณ 200,849 ไร่ มีป่าไม้ 3 ประเภท คือ ป่าดงดิบชื้น พบเห็นได้บริเวณเขาสูงชันบริเวณเขาหางนาค เขาอ่าวนาง ป่าชายเลน จะพบบริเวณคลองแห้ง ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ คลองย่านสะบ้า และด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณสุสานหอย 40 ล้านปี และป่าพรุ ที่พบต้นเสม็ดขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ มีสัตว์ต่าง ๆ ที่พบในอุทยานฯ ได้แก่ นกโจรสลัด เหยี่ยวแดง นกออก นกนางแอ่นกินรัง หมูป่า ลิง และค่าง สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวคือเดือนพฤษภาคม - เดือนเมษายน

Sukothai :: Thailand

Sukothai is situated between Bangkok (430kms from Bangkok) and Chiang Mai. It was the first capital of Thailand and is famous for the extensive historical ruins, which after restoration, became a Unesco World Heritage Site. Sukothai's golden era was from the 13th to the 14th century, the art and architecture produced in this period are considered to be some of the best. Sukothai today consists of the old and new towns (located 12kms apart from each other); most of the accommodation

and all facilities being in the new town. The old town of Sukothai consists mainly of the large Historical Park, where most of the remains of the original city can be seen. To explore the Historical Park, the best method of transport is bicycle, these can be hired nearby the front entrance. The whole Historical Park covers an area of about 70 square kms so many many of the sites are better reached by car. To get to Sukothai it takes 5-6 hrs to drive from Chiang Mai. Alternatively, the train stops at nearby Phitsanuloke or there are flights (from Bangkok or Chiang Mai) to Phitsanuloke or Sukothai itself.

The History of Sukothai dates back to 1238, founded by two Thai generals, who helped to push the Khmers from this area. For over a century a society developed in Sukothai, which is seen to be the Thailand as we know it today. Theravada Buddism was introduced and Sukothai became a thriving religious and commercial centre. The ceramics industry also flourished centred in the town of Si Satchanalai. This continued on until Sukothai eventually lost its power and became a vassal state of Ayutthaya in the 15th century.

The Ruins - many of these are worth a visit, the most important being:
Wat Mahathat was the spiritual centre of the city. It was the king's temple and therefore the symbol of his power.There are many ruins of chedis and viharns just within this compound; the stupas feature the famous lotus bud style (a feature of Sukothai style temple architecture).
Wat Sri Sawai by contrast features typical Khmer architecture. It could have been a Khmer shrine before the Sukothai kingdom was established, supported by the fact that there are Buddhist additions that have been made to it at a later date.
Wat Trapang Ngoen features an impressive lotus bud chedi and is set on an island giving it an impressive setting surrounded by water.
Outside the main park one of the most impressive temples is Wat Si Chum. Within a small walled compound you can see a majestic 50 feet tall sitting Buddha. There is a passageway running up the wall to the same level as the top of the Buddha and it is said this was used to make the Buddha 'speak' to certain worshippers, ie. a person would be sent up beforehand and act as the 'Buddhas voice'.
Also worth visiting are Wat Chang Lom and Wat Saphan Hin.

Si Satchanalai was the most important satellite town of Sukothai (57kms from Sukothai). This town also has its own ruins and is worth exploring.
Wat Chang Lom has a magnificent chedi on a square base featuring 39 life sized stucco elephants.
Wat Chedi Jet Taew features seven rows of chedis thought to enshrine the royalty of Si Satchanalai.
Wat Nang Phaya is famous for its stucco reliefs on the viharn walls

Sawankhaloke was the site of many ceramics kilns in the Sukothai era. The area became famous because of its fine quality clay and ceramic products were exported to many countries in Asia. Today you can see some of the ancient kilns that have been unearthed, along with samples of the products that were made there.

weblink : www.wayfarersthailand.com
weblink : www.djparadisetour.com

thailand tour - Google Blog Search

เว็บท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่ผมรู้จัก